วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

น้ำยาล้างมือมะกรูด



กิตติกรรมประกาศ
      
             โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ เรื่อง น้ำยาล้างมือมะกรูด จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีถ้าหากว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือจาก อาจารย์ เพ็ชรศรี ทิพกนก ที่ช่วยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโครงงานและช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างการทำโครงงาน และขอขอบคุณผู้ปกครองที่ได้ให้การช่วยเหลือ เกี่ยวกับการวิธีทำ ส่วนผสม และสถานที่ในการทำโครงงานและได้ให้กำลังใจตลอดมา                                                                                                                                                                       
คณะผู้จัดทำโครงงานขอขอบคุณท่านผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไว้มา ณ โอกาสนี้       

คณะผู้จัดทำ                                                                   

บทคัดย่อ
            บทคัดย่อ
               
                         โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ เรื่อง น้ำยาล้างมือมะกรูด จัดทำขึ้นมาเพื่อมีวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายในการรักษาความสะอาดของมือของเราและป้องกันเชื้อโรคและปัจจุบันหลายคนใช้เจลล้างมือแบบไม่ใช้น้ำกันมาก เพื่อให้ทุกคนช่วยรักษาความสะอาดของมือเรา เนื่องจากมือของเราได้จับหลายสิ่งต่างๆมา ทำให้ในมือของเรามีเชื้อโรคติดอยู่ ทางเราจึงได้คิดสิ่งประดิษฐ์นี้ขึ้นมาเพื่อจะทำให้มือเราสะอาดและไม่มีเชื่อโรและถ้าหากมือของเราไม่สะอาด แล้วไปสัมผัสกับร่างกายของเรา เช่น ปาก ตา หรือจมูก ก็จะทำให้เชื้อโรคติดเข้าไปข้างในร่างกายเราได้ อาจจะทำให้เราเป็นโรคมือเท้าปากได้ ดังนั้นทางเราจึงคิดที่จะทำสิ่งประดิษฐ์นี้ขึ้นมา จะสามารถใช้ได้สะดวก และใช้ได้ตลอดเวลาและอีกอย่างน้ำยาล้างมือนี้ยังทำมาจากสมุนไพรที่หาง่ายอีกทั้งยังไม่เป็นอันตรายของร่างกายและยังปลอดภัยต่อสภาพแวดล้อม จึงแนะนำให้ใช้น้ำยาล้างมือที่ทำจากมะกรูดที่หาง่าย และปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมอีกทั้งยังทำให้มือของเราละอาดปลอดภัยจากเชื้อโรคต่างๆได้





บทที่ 1

ที่มาและความสำคัญ
ที่มาและความสำคัญ
               
            ปัจจุบัน เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาเชื้อโรคได้เลย เราต้องเดินทางไปมาในสังคมส่วนรวมเป็นประจำ ทำให้โอกาสติดเชื้อโรคหรือล้มป่วยจึงมีมากขึ้น ด้วยเหตุนั้นจึงมีมาตรการป้องกันเชื้อโรคหลายๆด้านหนึ่งในนั้นคือน้ำยาล้างมือ น้ำยาล้างมือมีประโยชน์อย่างมาก แต่บางคนก็ไม่ชอบใช้น้ำยาเพราะมีกลิ่นแอลกอฮอล์ ทางคณะผู้จัดทำได้เล็งเห็นปัญหานี้จึงได้จัดทำน้ำยาล้างมือกลิ่นมะกรูดขึ้นมาเพื่อสุขอนามัยของผู้ใช้

วัตถุประสงค์
                1.สร้างความหลากหลายของน้ำยาล้างมือเพื่อให้ผู้ใช้เลือกใช้ได้ตรงตามความต้องการของ                     ตนเอง
        2.ให้ผู้คนหันมาสนใจการใช้น้ำยาล้างมือเพื่อป้องกันเชื่อโรค

ขอบเขตโครงงาน
             1.สามารถนำผลิตภัณฑ์มาใช้เอง โดยราคาที่ได้จะย่อมเยากว่าห้างสรรพสินค้า
                2.สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้
                3.ทำให้ได้รู้สรรพคุณของสมุนไพรที่นำมาทำผลิตภัณฑ์
               
              วิธีดำเนินงาน
             1.กำหนดหัวเรื่องที่จะทำ
                2.แบ่งงานให้สมาชิกแต่ละคน
                3.จัดมาอุปกรณ์ ส่วนผสมที่จะทำ
                4.ลงมือปฏิบัติตามที่วางแผน
                5.ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้
                6.หากล้มเหลวต้องช่วยกันศึกษาและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
                7.คำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมด






บทที่ 2

 เอกสารและโครงงานที่เกี่ยวข้อง



มะกรูด เป็นพืชในสกุลส้ม (Citrus) มีถิ่นกำเนิดในประเทศลาว อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย
 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิยมใช้ใบมะกรูดและผิวมะกรูดเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องปรุงอาหารหลายชนิด นอกจากในประเทศไทยและลาวแล้ว ยังมีความนิยมในกัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
        เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เป็นไม้เนื้อแข็ง ลำต้นและกิ่งมีหนามยาวเล็กน้อย ใบเป็นใบประกอบชนิดลดรูป มีใบย่อย 1 ใบ เรียงสลับ รูปไข่ คือมีลักษณะคล้ายกับใบไม้ 2 ใบ ต่อกันอยู่ คอดกิ่วที่กลางใบเป็นตอนๆ มีก้านแผ่ออกใหญ่เท่ากับแผ่นใบ ทำให้เห็นใบเป็น 2 ตอน กว้าง 2.5-4 เซนติเมตร ยาว 4-7 เซ๋นติเมตร ใบสีเขียวแก่พื้นผิวใบเรียบเกลี้ยง เป็นมัน ค่อนข้างหนา มีกลิ่นหอมมากเพราะมีต่อมน้ำมันอยู่ ซึ่งผลแบบนี้เรียกว่า hesperitium (ผลแบบส้ม) ใบด้านบนสีเข้ม ใต้ใบสีอ่อน ดอกออกเป็นกระจุก 3 5 ดอก กลีบดอกสีขาว เกสรสีเหลือง ร่วงง่าย มีกลิ่นหอม มีผลสีเขียวเข้มคล้ายมะนาวผิวเปลือกนอกขรุขระ ขั้วหัวท้ายของผลเป็นจุก ผลอ่อนมีเป็นสีเขียวแก่ เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด พันธุ์ที่มีผลเล็ก ผิวจะขรุขระน้อยกว่าและไม่มีจุกที่ขั้ว ภายในมีเมล็ดจำนวนมากๆ



บทที่3

วิธีดำเนินงาน
 แนวทางการดำเนินงาน
                 หาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำยาล้างมือจากมะกูดเพื่อทำผลิตภัณฑ์

เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
วัสดุอุปกรณ์และวิธีการทำ
1.N70              2.มะนาว(ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว)              
3.เกลือ             4.น้ำสะอาด                
5.ถัง                 6.ไม้พาย                     
7.ผ้าขาวบาง

วิธีทำ
1.นำ N70 เทลงในถัง
2.นำเกลือและน้ำมาเทลงในถัง
3.ใช้ไม้พายคนไปในทิศทางเดียวกันตามเข็มนาฬิกา
4.นำผ้าขาวบางมาปิดไว้พักไว้ 1 คืน

ผลที่คาดว่าจะได้รับ
 1.สามารถใช้ป้องกันเชื้อโรคได้
 2.สามรถต่อยอดความคิดพัตนาให้เป็นรายได้
 3.มีความรู้ความเข้าใจในการทำน้ำยาล้างมือใช้เอง

สถานที่ดำเนินการ
        โรงเรียนลำปางกัลยาณี





บทที่4



ผลการศึกษา

จากการทดลองและทำผลิตภัณผลิตภัณฑ์พบว่าผลิตภัณฑ์มีกลิ่นตามวัตถุประสงค์




บทที่ 5




สรุปผล อภิปรายผลผล และข้อเสนอแนะ
  
  
สรุปผล

          จากการทำโครงงานครั้งนี้ทำให้คณะผู้จัดทำได้เรียนรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการทำน้ำยาล้างมือมะกรูดได้อย่างถูกต้อง และสามารถนำสิ่งที่มีในครัวเรือนมาประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์ซึ่งก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆและได้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นและสีที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

  อภิปราย

 คุณภาพของน้ำยาล้างมือมะกรูด

1.สามารถทำความสะอาดเชื้อโรคที่มีอยู่บนมือได้
2.มีกลิ่นหอม สีสันสวยงามเป็นธรรมชาติ ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้
3.สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน
4.นำมาเป็นสิ่งประดิษฐ์เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว

 ลู่ทางการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์
1.สามารถทำเองที่บ้านได้ ลดค่าใช้จ่ายภายในบ้าน
2.เพื่อความสะดวกสบาย
3.นำมาเป็นสิ่งประดิษฐ์เพื่อเพิ่มรายได้ให้ครอบครัว
4.เป็นการฝึกทักษะในการคิดค้นทดลอง โดยนำสิ่งที่มีในครัวเรือนมาแปรรูป ให้เกิดประโยชน์

 ประโยชน์ที่ได้รับ

1.พัฒนาทักษะกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ และทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ
2.ริเริ่มสร้างสรรค์การนำเอาสิ่งที่มีในครัวเรือนมาแปรรูปให้เกิดประโยชน์
3.ใช้เวลาว่างที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์


 ข้อเสนอแนะ

1.ควรเพิ่มกลิ่นให้มีความหอมมากๆมีหลากหลายกลิ่น
2.นำผลงานไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น นำไปวางตามบริเวณต่างๆของโรงเรียน

ที่มา

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559


Samsung gear s2

ดีไซน์
     

       
      Gear s2 ประกอบตัวเรือนสแตนแลตสตีล มีความทนทานเพียวบางและโฉบเฉี่ยวบนข้อมือของคุณปรับเปลี่ยนหน้าปัดและสายนาฬิกาได้อย่างง่ายดาย เหมาะกับทุกโอกาส

Gear S2 X  Alessandro Mendini   
    
        ภายใต้ความร่วมมือ Alessandro Mendini ได้ผสานรวมรสนิยม อารมณ์ขัน และสีสันเข้ากับ Gear S2 ผลลัพธ์ที่ได้คือ หน้าปัดและสายนาฬิกาหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเติมเต็มสไตล์ที่เป็นตัวคุณ
การเคลื่อนไหว
   ฟีเจอร์สำคัญของสมาร์ทโฟนพร้อมใช้งานทันที เพียงแค่บิด Gear S2 เล็กน้อย หมุนขอบเบาๆ เพื่อเลื่อนอ่านอีเมลขนาดยาว ซูมเข้าบนแผนที่ หรือข้ามแทร็คเพลงระหว่างการเล่น ชีวิตของคุณจะดียิ่งขึ้นทุกครั้งที่คุณขยับ
S Health

        ดูแลสุขภาพได้ง่ายๆ ด้วย Gear S2 ตรวจสอบติดตามกิจกรรมของคุณในแต่ละวัน รวมถึงอัตราการเต้นของหัวใจ และการดื่มน้ำ vs คาเฟอีน ดูแลร่างกายให้ฟิตอยู่เสมอ ด้วยข้อความสร้างแรงจูงใจตามกำหนดเวลา
พันธมิตร
       เราได้ร่วมมือกับแอพมากมายเพื่อให้ Gear S2 ใช้การได้ดีสำหรับคุณ ตั้งแต่การแข่งขันไปจนถึงการดูแลบ้านของคุณให้ปลอดภัย ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้
* บริการอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการและประเทศ
การเชื่อมต่อ
          
ด้วยพื้นที่ว่างที่เพียงพอสำหรับการจัดเก็บ 300 เพลงที่ซิงค์อย่างไร้รอยต่อจากโทรศัพท์ของคุณ คุณจะพกพาเพลย์ลิสต์สุดโปรดติดตัวไปได้ทุกที่ แม้กระทั่งเมื่อคุณทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่บ้านเพื่อไปวิ่งออกกำลังกาย Gear S2 และหูฟัง Level U Bluetooth คือทั้งหมดที่
คุณต้องการ

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

       วันปีใหม่
             ปีใหม่ หรือ วันขึ้นปีใหม่ 2559 หรือ ปีใหม่ภาษาอังกฤษ Happy New Year 2016 ใกล้มาถึงแล้ว วันขึ้นปีใหม่ หลาย ๆ คนคงชอบที่จะได้หยุดหลาย ๆ วัน ว่าแต่ที่หยุดและฉลองปีใหม่กันอยู่ทุกปี แล้วรู้หรือไม่ว่า ประวัติปีใหม่ หรือวันขึ้นปีใหม่ มีความเป็นมาอย่างไร วันนี้เรามีความหมายวันขึ้นปีใหม่ ประวัติวันขึ้นปีใหม่ มาฝาก  

ความหมายของวันขึ้นปีใหม่
          วันขึ้นปีใหม่ ตามความหมายในพจนานุกรมให้ความหมายคำว่า "ปี" หมายถึง เวลาชั่วโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ครั้งหนึ่งราว 365 วัน หรือ เวลา 12 เดือนตามสุริยคติ ดังนั้น "ปีใหม่" จึงหมายถึง การขึ้นรอบใหม่หลังจาก 12 เดือน หรือ 1 ปี

       ความเป็นมาของ วันขึ้นปีใหม่


          วันขึ้นปีใหม่ มีประวัติความเป็นมาซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยตามความเหมาะสม ตั้งแต่ในสมัยเริ่มแรกเมื่อชาวบาบิโลเนีย เริ่มคิดค้นการใช้ปฏิทินโดยอาศัยระยะต่าง ๆ ของดวงจันทร์เป็นหลักในการนับ เมื่อครบ 12 เดือน ก็กำหนดว่าเป็น 1 ปี และเพื่อให้เกิดความพอดีระหว่างการนับปีตามปฏิทินกับปีตามฤดูกาล จึงได้เพิ่มเดือนเข้าไปอีก 1 เดือน เป็น 13 เดือนในทุก ๆ 4 ปี

          ต่อมาชาวอียิปต์ กรีก และชาวเซมิติก ได้นำการปฏิบัติของชาวบาบิโลเนียมาดัดแปลงแก้ไขอีกหลายคราวเพื่อให้ตรงกับฤดูกาลมากยิ่งขึ้น จนถึงสมัยของกษัตริย์จูเลียต ซีซาร์ (ประมาณ 46 ปี ก่อนคริสต์ศักราช) ได้นำความคิดของนักดาราศาสตร์ชาวอียิปต์ชื่อโยซิเยนิส มาปรับปรุงให้หนึ่งปีมี 365 วัน โดยทุก ๆ 4 ปี ให้เติมเดือนที่มี 28 วัน เพิ่มขึ้นอีก 1 วัน เป็น 29 วัน คือเดือนกุมภาพันธ์ เรียกว่า อธิกสุรทิน เมื่อเพิ่มให้เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน ให้ทุกๆ 4 ปี แต่วันในปฏิทินก็ยังไม่ค่อยตรงกับฤดูกาลนัก คือเวลาในปฏิทินยาวกว่าปีตามฤดูกาล เป็นเหตุให้ฤดูกาลมาถึงก่อนวันในปฏิทิน

          และในวันที่ 21 มีนาคม ตามปีปฏิทินของทุก ๆ ปี จะเป็นช่วงที่มีเวลากลางวันและกลางคืนเท่ากัน คือเป็นวันที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงทิศตะวันออก และลับลงตามทิศตะวันตก วันนี้ทั่วโลกจึงมีช่วงเวลาเท่ากับ 12 ชั่วโมงเท่ากัน เรียกว่า วันทิวาราตรีเสมอภาคมีนาคม (Equinox in March) 

          แต่ในปี พ.ศ. 2125 วัน Equinox in March กลับไปเกิดขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม แทนที่จะเป็นวันที่ 21 มีนาคม ดังนั้นพระสันตะปาปาเกรกอรี่ที่ 13 จึงทำการปรับปรุงแก้ไขหักวันออกไป 10 วัน จากปีปฏิทิน และให้วันหลังจากวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2125 แทนที่จะเป็นวันที่ 5 ตุลาคม ก็ให้เปลี่ยนเป็นวันที่ 15 ตุลาคมแทน (ใช้เฉพาะในปี พ.ศ. 2125) ปฏิทินแบบใหม่นี้จึงเรียกว่าปฏิทินเกรกอเรี่ยน จากนั้นได้ปรับปรุงประกาศใช้ วันที่ 1 มกราคม เป็นวันเริ่มต้นของปีเป็นต้นมา

 ความเป็นมาวันปีใหม่ในประเทศไทย


          สำหรับวันปีใหม่ในประเทศไทยนั้น แต่เดิมเราถือเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ซึ่งตรงกับเดือนมกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับคติแห่งพระพุทธศาสนา ที่ถือช่วงเหมันต์หรือหน้าหนาวเป็นการเริ่มต้นปี ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงไปตามคติพราหมณ์ คือถือเอาวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งตรงกับวันสงกรานต์ ดังนั้นในสมัยโบราณเราจึงถือเอาวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย

          แต่การนับวันปีใหม่หรือวันสงกรานต์ตามวันทางจันทรคติ เมื่อเทียบกับวันทางสุริยคติ ย่อมคลาดเคลื่อนกันไปในแต่ละปี ดังนั้นในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ปี พ.ศ. 2432 (ร.ศ. 108) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 เมษายน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงให้ถือเอาวันที่ 1 เมษายนเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยนับแต่นั้นมา เพื่อวันปีใหม่จะได้ตรงกันทุกปีเมื่อนับทางสุริยคติ (แม้ว่าวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ปีต่อ ๆ มาจะไม่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน แล้วก็ตาม) ดังนั้นจึงถือเอาเดือนเมษายนเป็นเดือนแรกของปีนับแต่นั้นมา  อย่างไรก็ดีประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะตามชนบทยังคงยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่อยู่

          ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทางราชการจึงเห็นว่าวันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน มักจะไม่มีงานรื่นเริงอะไรมากนักและเห็นสมควรที่จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ จึงได้ประกาศให้มีงานรื่นเริงวันขึ้นปีใหม่ในวันที่ 1 เมษายน 2477 ขึ้นในกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก จนแพร่หลายออกไปต่างจังหวัดในปีต่อ ๆ มา โดยในปี พ.ศ. 2479 ก็ได้มีการจัดงานปีใหม่ทั่วทุกจังหวัด มีชื่อทางราชการ "วันตรุษสงกรานต์"


                                 ปีใหม่ วันปีใหม่


          กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันขึ้นปีใหม่ คือ
           เก็บกวาดทำความสะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน

           ทำบุญตักบาตร กรวดนำอุทิศส่วนกุศลให้ญาติและผู้มีพระคุณที่ล่วงลับไปแล้ว

          ไปวัดเพื่อทำบุญ ถือศีล ปฏิบัติธรรม หรือฟังพระธรรมเทศนา ฯลฯ เพื่อให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสเบิกบาน ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่

          ไปกราบขอพรจากผู้ใหญ่ และอวยพรเพื่อนฝูง ด้วยการมอบของขวัญ ช่อดอกไม้ หรือการ์ดอวยพร

           ตรวจสอบตัวเองเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ทำมาตลอดปี ว่ามีความเจริญก้าวหน้าสำเร็จลุล่วงไปได้แค่ไหน หากมีสิ่งใดคั่งค้างก็ต้องเร่งขวนขวายปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของตน ถ้าอยู่ในเกณฑ์ดีก็ให้ตั้งใจทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป และควรให้อภัยกับผู้ที่มีเรื่องบาดหมางหรือขุ่นเคืองกัน เพื่อสานความสัมพันธ์ให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยดี

           จัดงานรื่นเริงในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง หรือสถานที่ต่าง ๆ

           จัดกิจกรรมร่วมนับถอยหลัง เพื่อก้าวสู่วันใหม่

           จัดกิจกรรมการกุศลตามสถานที่ต่าง ๆ

          กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันขึ้นปีใหม่ คือ
           เก็บกวาดทำความสะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน
           ทำบุญตักบาตร กรวดนำอุทิศส่วนกุศลให้ญาติและผู้มีพระคุณที่ล่วงลับไปแล้ว

          ไปวัดเพื่อทำบุญ ถือศีล ปฏิบัติธรรม หรือฟังพระธรรมเทศนา ฯลฯ เพื่อให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสเบิกบาน ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่

       ไปกราบขอพรจากผู้ใหญ่ และอวยพรเพื่อนฝูง ด้วยการมอบของขวัญ ช่อดอกไม้ หรือการ์ดอวยพร

       ตรวจสอบตัวเองเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ทำมาตลอดปี ว่ามีความเจริญก้าวหน้าสำเร็จลุล่วงไปได้แค่ไหน หากมีสิ่งใดคั่งค้างก็ต้องเร่งขวนขวายปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของตน ถ้าอยู่ในเกณฑ์ดีก็ให้ตั้งใจทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป และควรให้อภัยกับผู้ที่มีเรื่องบาดหมางหรือขุ่นเคืองกัน เพื่อสานความสัมพันธ์ให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยดี

           จัดงานรื่นเริงในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง หรือสถานที่ต่าง ๆ

           จัดกิจกรรมร่วมนับถอยหลัง เพื่อก้าวสู่วันใหม่

           จัดกิจกรรมการกุศลตามสถานที่ต่าง ๆ

           ทำบุญตักบาตร กรวดนำอุทิศส่วนกุศลให้ญาติและผู้มีพระคุณที่ล่วงลับไปแล้ว
          ไปวัดเพื่อทำบุญ ถือศีล ปฏิบัติธรรม หรือฟังพระธรรมเทศนา ฯลฯ เพื่อให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสเบิกบาน ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่

       ไปกราบขอพรจากผู้ใหญ่ และอวยพรเพื่อนฝูง ด้วยการมอบของขวัญ ช่อดอกไม้ หรือการ์ดอวยพร

       ตรวจสอบตัวเองเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ทำมาตลอดปี ว่ามีความเจริญก้าวหน้าสำเร็จลุล่วงไปได้แค่ไหน หากมีสิ่งใดคั่งค้างก็ต้องเร่งขวนขวายปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของตน ถ้าอยู่ในเกณฑ์ดีก็ให้ตั้งใจทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป และควรให้อภัยกับผู้ที่มีเรื่องบาดหมางหรือขุ่นเคืองกัน เพื่อสานความสัมพันธ์ให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยดี

           จัดงานรื่นเริงในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง หรือสถานที่ต่าง ๆ

           จัดกิจกรรมร่วมนับถอยหลัง เพื่อก้าวสู่วันใหม่

           จัดกิจกรรมการกุศลตามสถานที่ต่าง ๆ

          ไปวัดเพื่อทำบุญ ถือศีล ปฏิบัติธรรม หรือฟังพระธรรมเทศนา ฯลฯ เพื่อให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสเบิกบาน ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่
       ไปกราบขอพรจากผู้ใหญ่ และอวยพรเพื่อนฝูง ด้วยการมอบของขวัญ ช่อดอกไม้ หรือการ์ดอวยพร

       ตรวจสอบตัวเองเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ทำมาตลอดปี ว่ามีความเจริญก้าวหน้าสำเร็จลุล่วงไปได้แค่ไหน หากมีสิ่งใดคั่งค้างก็ต้องเร่งขวนขวายปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของตน ถ้าอยู่ในเกณฑ์ดีก็ให้ตั้งใจทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป และควรให้อภัยกับผู้ที่มีเรื่องบาดหมางหรือขุ่นเคืองกัน เพื่อสานความสัมพันธ์ให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยดี

           จัดงานรื่นเริงในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง หรือสถานที่ต่าง ๆ

           จัดกิจกรรมร่วมนับถอยหลัง เพื่อก้าวสู่วันใหม่

           จัดกิจกรรมการกุศลตามสถานที่ต่าง ๆ

      
           ไปกราบขอพรจากผู้ใหญ่ และอวยพรเพื่อนฝูง ด้วยการมอบของขวัญ ช่อดอกไม้ หรือการ์ดอวยพร
          

           ตรวจสอบตัวเองเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ทำมาตลอดปี ว่ามีความเจริญก้าวหน้าสำเร็จลุล่วงไปได้แค่ไหน หากมีสิ่งใดคั่งค้างก็ต้องเร่งขวนขวายปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของตน ถ้าอยู่ในเกณฑ์ดีก็ให้ตั้งใจทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป และควรให้อภัยกับผู้ที่มีเรื่องบาดหมางหรือขุ่นเคืองกัน เพื่อสานความสัมพันธ์ให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยดี

           จัดงานรื่นเริงในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง หรือสถานที่ต่าง ๆ

           จัดกิจกรรมร่วมนับถอยหลัง เพื่อก้าวสู่วันใหม่

           จัดกิจกรรมการกุศลตามสถานที่ต่าง ๆ

      
           ตรวจสอบตัวเองเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ทำมาตลอดปี ว่ามีความเจริญก้าวหน้าสำเร็จลุล่วงไปได้แค่ไหน หากมีสิ่งใดคั่งค้างก็ต้องเร่งขวนขวายปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของตน ถ้าอยู่ในเกณฑ์ดีก็ให้ตั้งใจทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป และควรให้อภัยกับผู้ที่มีเรื่องบาดหมางหรือขุ่นเคืองกัน เพื่อสานความสัมพันธ์ให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยดี
           จัดงานรื่นเริงในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง หรือสถานที่ต่าง ๆ

           จัดกิจกรรมร่วมนับถอยหลัง เพื่อก้าวสู่วันใหม่

           จัดกิจกรรมการกุศลตามสถานที่ต่าง ๆ

       
           จัดงานรื่นเริงในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง หรือสถานที่ต่าง ๆ
       

           จัดกิจกรรมร่วมนับถอยหลัง เพื่อก้าวสู่วันใหม่

           จัดกิจกรรมการกุศลตามสถานที่ต่าง ๆ

           จัดกิจกรรมร่วมนับถอยหลัง เพื่อก้าวสู่วันใหม่
           จัดกิจกรรมการกุศลตามสถานที่ต่าง ๆ

           จัดกิจกรรมการกุศลตามสถานที่ต่าง ๆ
ประวัติการส่ง ส.ค.ส. ในวันปีใหม่
          การส่ง ส.ค.ส. หรือบัตรอวยพรนั้น ประเทศไทยรับวัฒนธรรมมาจากต่างประเทศ ซึ่งนิยมส่งบัตรอวยพรกันมาเป็นเวลากว่า 200 ปีแล้ว ตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 18 หรือตรงกับปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา บัตรอวยพรนี้ปรากฏในรูปแบบ "บัตรเยี่ยม" (Visiting Card) เป็นบัตรกระดาษขนาดเท่าไพ่ นิยมเขียนข้อความ หรือพิมพ์รูปภาพต่าง ๆ ลงไปเพื่อเยี่ยมเยียนกันในวันขึ้นปีใหม่ ต่อมาแพร่หลายไปในเทศกาลต่าง ๆ เช่น วาเลนไทน์ คริสต์มาส มีการส่งพิมพ์และส่งบัตรอวยพรกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น

          สำหรับในประเทศไทยนั้น เชื่อกันว่าบัตรอวยพรปีใหม่ที่เก่าแก่ที่สุด คือ บัตรอวยพรที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประดิษฐ์ขึ้น เมื่อ 120 กว่าปีก่อน โดยในรัชสมัยของพระองค์ เป็นยุคที่มีการติดต่อสื่อสารกับต่างประเทศเป็นจำนวนมาก จึงมีการรับเอาขนบธรรมเนียมของตะวันตกมาด้วย

          ทั้งนี้การส่งบัตรอวยพรของพระองค์นั้น ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อใด แต่ได้ปรากฏสำเนาคำพระราชทานพรขึ้นปีใหม่ ในปี พ.ศ. 2409 ของพระองค์ ในหนังสือพิมพ์บางกอกรีคอร์ดเดอร์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับวันที่ 13 มกราคม 2409 แปลได้ใจความว่า "ทรงขอส่งบัตรตีพิมพ์คำอวยพรนี้ถึงบรรดากงสุล เจ้าหน้าที่กงสุลต่าง ๆ และชาวต่างประเทศที่ทรงคุ้นเคยโดยทั่วถึงกัน"

          ต่อมาในช่วงต้นรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ความนิยมการส่งบัตรอวยพรแพร่หลายอย่างมาก มีหลักฐานบัตรอวยพรประเภทต่างๆ ถูกเก็บรวบรวมไว้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเป็นจำนวนมาก โดยมักนิยมส่งกันในช่วงเดือนเมษายน ตามวันขึ้นปีใหม่เดิมที่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน และบนบัตรอวยพรเหล่านั้น ยังพบคำว่า "ส.ค.ศ." หรือ "ส.ค.ส." ปรากฏอยู่ จึงเชื่อกันว่า คำว่า "ส.ค.ส." เกิดขึ้นในรัชสมัยนี้ โดยย่อมาจากคำว่า "ส่งความศุข" หรือ "ส่งความสุข"

          หลังจากนั้น ส.ค.ส. ก็เป็นสิ่งที่นิยมส่งให้กันในวันขึ้นปีใหม่ จนถึงปัจจุบันนี้ และ ส.ค.ส. ก็ได้เปลี่ยนรูปแบบไปมีการนำวัสดุต่าง ๆ มาประดิษฐ์ ตกแต่ง มีรูปแบบ ลวดลายหลากหลายมากขึ้น